
หลายๆ คน คงเคยมีปัญหากับอาการ “ตาแห้ง” ซึ่งเกิดจากหลายๆ ปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ระบบต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ มีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอ การใส่คอนแทคเลนส์นานๆ มีการผ่าตัดตา ละอองฝุ่นเข้าตา รวมไปถึงการใช้สายตาที่เยอะเกินจากการจ้องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ จนส่งผลทำให้เกิดอาการไม่สบายตา
ดังนั้นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ก็คือ “น้ำตาเทียม” เพื่อใช้ในการหล่อลื่นดวงตา และบรรเทาอาการระคายเคืองต่างๆ ซึ่งหลายคนคุ้นเคยรู้จักกันดีอยู่ แต่ถ้ายังรู้จักไม่ดีพอ หรือแยกแยะ น้ำตาเทียมไม่ออก เดี๋ยว Beauty See First มาอธิบายให้
น้ำตาเทียม (Artificial Tears) เป็นเภสัชภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสารหล่อลื่นตา มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ โดยในประเทศไทยจะมีน้ำตาเทียมอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ สารละลายที่มีทั้งแบบ Multiple dose, Unit dose รวมไปถึงแบบ เจล และขี้ผึ้ง ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ครั้งนี้ จะมาเปรียบเทียบให้ดูแค่ 2 ตัว ที่คนส่วนใหญ่มักจะใช้กัน นั้นก็คือ แบบ Multiple Dose และ Unit Dose

Multiple Dose รายเดือน
น้ำตาเทียมในรูปแบบสารละลายชนิดขวด มีขนาด 3-15 มล. และ มีอายุการใช้งาน 30 วัน (หลังจากเปิดขวดใช้ครั้งแรก) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งเล็กน้อย และเหมาะกับผู้ที่ใช้เป็นประจำ
ข้อดีคือ มีราคาถูกกว่ารูปแบบสารละลายชนิดหลอดสำหรับใช้วันเดียวมาก และไม่ต้องกลัวว่าจะลืมพกน้ำตาเทียมในกระเป๋า ใช้ได้ 1 ขวดต่อเดือน
ข้อจำกัดในการใช้
มีส่วนผสมของสารกันเสีย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองตา และหากใช้นานๆ ก็อาจไปทำลายเซลล์เยื่อบุกระจกตาได้ โดยหลังจากเปิดใช้หยอดตาในแต่ละครั้ง ควรปิดขวดให้สนิท เพราะไม่อย่างนั้น อาจเกิดการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมได้ง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตา ส่วนคนที่ใส่คอนแทคเลนส์แนะนำให้ดูฉลากก่อนว่าใช้ได้หรือไม่?

Unit Dose รายวัน
น้ำตาเทียมในรูปแบบสารละลายชนิดแท่งหรือหลอด มีขนาด 0.3 – 0.9 มล. (มาเป็นแบบหลอดใส่ในกล่อง) และมีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมง (เป็นแบบรายวันเปิดแล้วต้องใช้เลย)
ข้อดีคือ ไม่มีสารกันเสีย เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้สารกันเสีย หรือต้องหยอดตาบ่อย ๆ เป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ได้รับการผ่าตัด หรือใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ และมีโอกาสปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอกได้น้อยกว่า สามารถแบ่งพกพาได้ตามจำนวนที่ต้องการ
ข้อจำกัดในการใช้
ถ้าหากใช้น้ำตาเทียมแบบหลอดเหลือ หรือใช้ไม่หมดภายใน 1 วัน ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่ ให้ทิ้งไปหลังการใช้ทันที และน้ำตาเทียมชนิดนี้มักมีราคาสูงกว่าแบบแรกอีกด้วย
ข้อสรุป Multiple Dose Vs. Unit Dose ควรเลือกใช้แบบไหนดี?

สรุป ระหว่างน้ำตาเทียมทั้งสองแบบ สามารถป้องกันอาการตาแห้งได้ ซึ่งมีข้อแตกต่างอย่างชัดเจนอยู่ที่ มีสารกันเสีย และไม่มีสารกันเสีย ดังนั้นก่อนจะเลือกใช้ควรพิจารณาจากอาการก่อนว่ามีอาการตาแห้งระดับไหน
ถ้าหากมีอาการตาแห้งไม่มาก และเน้นใช้งานแบบเป็นประจำ ก็ควรเลือกใช้แบบ Multi Dose เพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน และใช้ต่อได้เรื่อยๆ มีราคาถูกกว่า แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องจนเกินไปเพราะ เกิดการทำลายเซลล์เยื่อบุกระจกตาได้
ส่วนใครที่มักจะใส่คอนแทคเลนส์ หรือมีอาการระเคืองตา มีอาการแพ้ง่าย รวมไปถึงระหว่างวันต้องใช้บ่อยๆ หรือเพิ่งผ่าตัดมา ควรเลือกใช้แบบ Unit Dose เพราะไม่มีสารกันเสียใช้งานง่าย พกพาสะดวก ใช้บ่อยๆ ได้ แต่จะมีราคาสูงกว่าน้ำตาเทียมชนิดขวดนั่นเองนะจ๊ะ