
เมคอัพที่สำคัญของผู้หญิงเรา และใช้งานง่ายสะดวก แถมยังให้การปกปิดได้ดี คงต้องเป็นแป้งตลับนี่แหละ จะหยิบมาเติมเมื่อไรก็สะดวกกว่าชิ้นอื่นๆ และยังช่วยให้หน้าสวยผ่องตลอดวัน แต่สิ่งที่เราขอร้องให้ทุกคนต้องใส่ใจเลย โดยเฉพาะอากาศบ้านเราที่ร้อนเบอร์นี้ ก็เรื่องควบคุมความมันนี่แหละ ซึ่งแป้งก็ถือเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยได้ Beauty See First จึงเลือก 3 แบรนด์ตัวท๊อปมารีวิวเรื่องนี้ซ่ะเลย

ÍPSA Powder Foundation N (2,300 บาท)
เป็นแป้งผสมรองพื้นที่เราสามารถประกอบร่างได้เอง เพราะแบรนด์จะขายแยกทั้งตัวตลับ รีฟิลแป้ง และแปรง ซึ่งโดยรวมแป้งตลับนี้เน้นความฟุ้งละมุน สัมผัสบางเบา แต่สามารถยึดเกาะบนผิวหน้าได้ มีตัวเทคโนโลยีที่พัฒนาให้เม็ดแป้งมีน้ำหนักเบา เรียบเนียน ติดทนนาน ไม่มันวาว และไม่ทำให้เหนอะหนะผิวระหว่างวัน มี 6 เฉดสีให้เลือก
ความรู้สึกหลังทา: เนื้อแป้งเนียนนุ่มมาก จึงทำให้ไม่เกาะเป็นก้อนหรือเกิดขุยบนผิว และได้รับการปกปิดระดับหนึ่ง อย่าง ความแวววาวของผิว รอยแดงบางๆ ซึ่งสามารถใช้แปรงที่ให้มาในตลับทาได้เลย ซึ่งตัวแปรงออกแบบมาพิเศษ ขนแน่นแต่นุ่ม ติดตรงที่เวลาจะใช้ครั้งต่อไปก็ควรจะปัดผงแป้งเดิมออกก่อน แต่เป็นการทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นเกาะผิวเรา นอกจากนี้ถ้าอยากปกปิดจุดกังวลในใบหน้ามากขึ้น เลือกใช้คู่กับพัพฟ์ และกดบริเวณจุดที่ต้องการเน้น จะช่วยเพิ่มการปกปิดได้ และยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่
ควบคุมความมัน: หลังจากลงสกินแคร์ไปหลายชั้น สามารถกลบความวาวของผิวได้ดีแบบเห็นชัดเจนแม้ทาครั้งเดียว ซึ่งผ่านไป 10 นาที และลองใช้กระดาษซับหน้ามัน ผลคือ มีความมันติดออกมาในระดับรับได้ ส่วนใครที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกไปนอกบ้านหรืออาคาร อาจจะมีแป้งติดออกมานิดหน่อย แต่ไม่ทำให้ผิวหน้าของเราดูสีแป้งหลุดหรือเป็นรอยคราบจ้า

Maybelline New York Super Stay Full Coverage Powder Foundation (329 บาท)
แป้งแมทคุมมันที่ให้การปกปิดตลอดวัน เน้นผลลัพธ์ที่สวยเป๊ะ หน้าแน่นได้ แต่ไม่มันเยิ้ม และออกแบบให้เข้ากับอากาศเมืองไทย มีให้เลือกทั้งหมด 4 เฉดสีสำหรับคนผิวชาวชมพู, ขาวเหลือง, ผิวสีเนื้อ ละผิวสองสี ซึ่งเป็นโทนผิวที่เหมาะกับสาวไทยอย่างเราจริงๆ
ความรู้สึกหลังทา: เป็นแป้งที่หลังจากได้ลองใช้แล้ว ขอยกความคุ้มค่าให้มากๆ เพราะนอกจากความสามารถของแป้ง อย่างการคุมความมัน การปกปิด เมื่อบวกลบกับราคาคือ เริ่ด! ซึ่งยังให้ผลลัพธ์ของผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ และเราแนะนำให้เลือกเฉดสีตรงกับผิว เพราะถ้าเลือกขาวมากกว่าผิวเดิมเรา พอลงรอบสองจะทำให้ดูวอกไป ส่วนเรื่องการปกปิดนั้น พวกรอยแดงบางๆ เล็กๆ สามารถปกปิดได้ แต่ถ้ารอยดำจากสิว หรือสิวนูนแดง ให้ลงคอนซีลเลอร์ช่วยการปกปิดจะดีกว่าจ้า อีกอย่างตัวตลับอาจจะใช้ลำบากนิดนึงหากต้องการเติมแป้งระหว่างวัน เพราะด้วยลูกเล่นที่ทางแบรนด์อยากให้ฝาเป็นสีโปร่งใสเพื่อให้เห็นเฉดสีแม้จะปิดตลับ จึงทำให้กระจกไปอยู่ชั้นเดียวกับฟองน้ำ
ควบคุมความมัน: ถึงแม้ว่าจะลองลงสกินแคร์หลายชั้น จะเห็นว่าพอลงแป้งตาม ผิวจะแมตต์ขึ้น โดยไม่ทำให้เป็นคราบหรือตกร่องผิว ซึ่งหลังจากผ่านไป 10 นาที ยังสามารถควบคุมความมันได้ดี และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทดสอบกับการใส่หน้ากากอนามัย จะมีรอยแป้งติดออกมาบ้างบริเวณสันจมูกและด้านหน้าแก้มเล็กน้อย และตรงบริเวณรอยแดงที่เราปกปิดอาจจะหลุดมานิดหน่อยจ้า

Laura Mercier Smooth Finish Foundation Powder (1,950 บาท)
แป้งผสมรองพื้น #แป้งกลมเนียนเป๊ะ ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ติดทนนานถึง 8 ชั่วโมง และช่วยบำรุงผิวหน้าขณะใช้ เพราะมีส่วนผสมของเชีย บัตเตอร์ และถั่วเหลือง มีสารป้องกันแสงแดดทั้งยูวีเอและยูวีบีด้วย SPF20 จึงช่วยทั้งปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นยาวนาน มีให้เลือกมาถึง 18 เฉด
ความรู้สึกหลังทา: เนื้อแป้งค่อนข้างเนียนละเอียด และไม่ตกร่องผิวหรือเป็นคราบ เวลาสัมผัสลงบนผิว รู้สึกเลยว่าผิวนุ่มขึ้น และเรียบขึ้น คงความเป็นธรรมชาติของผิวได้ดี สีไม่ดรอประหว่างวัน ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น ส่วนถ้าจะเน้นปิดรอยคล้ำใต้ตาแนะนำให้ลงหลังจากปิดด้วยคอนซีลเลอร์จะดีกว่า โดยตัวแป้งไม่ตกตามร่องผิว อีกอย่างที่น่าประทับใจคือ ตัวพัพฟ์นุ่มมาก ยืดหยุ่นดี ใช้งานได้นาน และยังเป็นตัวช่วยเกลี่ยเนื้อแป้งให้แนบกับผิวได้เรียบเนียนขึ้น
ควบคุมความมัน: การลงสกินแคร์ 3 ชั้นซึ่งถือเป็นการบำรุงขั้นพื้นฐาน แล้วตามด้วยแป้งตลับนี้ ช่วยเสริมผิวเราให้ดูแมตต์แต่ไม่แห้ง ผิวหน้าไม่ตึง และคุมความมันได้ค่อนข้างดี ซึ่งหลังผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงแล้วซับด้วยกระดาษซับหน้ามัน อาจจะมันบริเวณทีโซนบ้างเล็กน้อย และหากใครต้องใส่หน้ากากอนามัย หากผ่านไปสักหนึ่งชั่วโมงอาจจะมีตัวแป้งติดออกมาบ้างเล็กน้อย แต่ยังไม่ทำให้แป้งบนหน้าดรอปลงจ้า
ปล. ผิวผู้ที่ทดสอบในครั้งนี้ เป็นประเภทผิวแห้ง และมันบริเวณทีโซน ทั้งนี้ผลการใช้อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคนจ้า