มีหลายคนเคยถกเถียงว่าตกลงผงชูรสกับผงปรุงรสเนี่ยมีความต่างกันหรือไม่? ต้องบอกว่ามีความเหมือนกันตรงที่เป็นตัวช่วยในการปรุงรสชาติ จะเลือกนำมาปรุงรสหรือไม่ก็ได้ เพราะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ทั้งสองชนิดนี้มีกระบวนการต่างกัน เพราะฉะนั้นหากต้องการบริโภคก็อาจจะต้องเข้าใจถึงที่มาที่ไป เพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาวกันด้วยนะจ๊ะ ผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต เป็นวัตถุปรุงแต่งรสชาติอาหารให้มีรสกลมกล่อม ซึ่งผ่านกระบวนการหมักของกากน้ำตาลจากอ้อยหรือแป้งมันสำปะหลัง และมีการใช้สารเคมีต่างๆ โดยเกลือโซเดียมจะจับกับกลูตาเมต ตกผลึกเป็นเม็ดละเอียดขุ่นขาว นอกจากนี้ยังเป็นตัวนำสื่อประสาทอย่างตัวกลูตาเมตนี่แหละ เข้าไปกระตุ้นต่อมรับรสของลิ้น พอเราทานอาหารที่ใส่ผงชูรสจึงรู้สึกนัว! อูมามิขึ้น ทั้งนี้ปริมาณการทานที่เหมาะสมนั้น ยังไม่สามารถระบุออกมาเป็นปริมาณได้ชัดเจน แต่จากข้อมูลที่เราค้นหา คุณหมอทีม (นพ.สฤษฏ์ ถอสุวรรณ์) เจ้าของช่องยูทูปหมอทีม Dr.Team แนะนำว่า ให้ใส่เพียง 1 ช้อนชาต่อปริมาณอาหารที่หนักครึ่งกิโลกรัม และไม่ควรใส่มากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดรสเค็มจากโซเดียม เราจึงรู้สึกหิวน้ำมากจากที่ร่างกายได้รับโซเดียมมากไป ซึ่งไม่ได้หิวเพราะผงชูรส (เพราะถ้าใส่น้อยอาจไม่เกิดขึ้นเลย) แต่เพราะโซเดียมในผงชูรสทำให้ต้องการน้ำไปขับเกลือนั้นออก การบริโภคแต่พอดีจึงช่วยลดโอกาสเกิดอาการคอแห้งผากได้ แต่ในขณะเดียวกันทางองค์การอาหารและยา รวมถึงองค์การอนามัยโลกเองก็ระบุว่า ผงชูรสปลอดภัยนำมาปรุงแต่งอาหารได้ แต่ต้องระบุหลังฉลากให้เรียบร้อย ผงปรุงรส ปัจจุบันออกมาในหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบก้อน ผงแห้ง และแบบเหลวข้นหนืด เพื่อให้สะดวกต่อการปรุงรสชาติอาหาร ซึ่งผงปรุงรสนั้นจะต่างกับผงชูรสตรงที่เป็นเครื่องปรุงรสที่มีส่วนผสมตามรสชาติที่ต้องการผ่านกระบวนการบดเนื้อสัตว์หรือพืช พร้อมใส่ปรุงแต่งรสต่างๆ (ทำให้ง่ายต่อการทำอาหาร) และบางยี่ห้อมีผงชูรสเป็นส่วนผสมเช่นกัน ผงปรุงรสได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะพ่อบ้านแม่บ้านหลายครอบครัวที่อาจไม่มีเวลาทำเครื่องปรุงเอง เช่น เครื่องพะโล้ เครื่องแกง …