Home Uncategorized รีวิวสกินแคร์วัย 30+ ตัวไหนเน้นอะไร บอกไม่มีกั๊ก – Beauty See First

รีวิวสกินแคร์วัย 30+ ตัวไหนเน้นอะไร บอกไม่มีกั๊ก – Beauty See First

0

Review

รีวิวสกินแคร์วัย 30+ ตัวไหนเน้นอะไร บอกไม่มีกั๊ก

พูดคำว่าเลขสามว่าเจ็บแล้ว แต่พอมาดูสภาพผิวเจ็บยิ่งกว่า แต่ไม่ต้องเครียดไป เพราะสกินแคร์ที่เราจะมาแนะนำต่อจากนี้ เหมาะกับทุกคนในวัย 30+ ขึ้นไป แต่จะเน้นการดูแลแบบไหน ไปดูรีวิวทีละตัวได้เลย

Laneige Perfect Renew Regenerator (2,250 บาท)

ตัวนี้เป็นเซรั่มที่มีกลิ่นอายของความเป็นออยล์อยู่นิดๆ ด้วยเนื้อสัมผัสที่เวลาลงจะซึมง่าย และรู้สึกลื่นเบาๆ แต่ไม่เหนอะผิว ซึ่งคนผิวแห้งสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี

แต่สำหรับคนผิวมัน ถ้าทาตอนเช้า อยากให้ลงบางๆ พอ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ผิวเหนอะเกินไประหว่างวัน ส่วนถ้าตอนกลางคืน ลงฉ่ำๆ ได้ พอตื่นมาจะรู้สึกหน้านุ่มขึ้นจริงๆ และอยากให้ใช้ต่อเนื่องนะจ๊ะ เนื่องจากเค้ามีส่วนผสมของน้ำเซราไมด์ที่มีความคล้ายคลึงกับชั้นผิวหนัง ผิวจะยิ่งแข็งแรงขึ้น

เหมาะกับ: คนที่อยากเติมความชุ่มชื้น ผิวใสๆ ฉ่ำ

ปล. ขวดที่เรารีวิวเป็นแพ็คเกจครบรอบ 25 ปีลาเนจนะจ้า

The History of Whoo Self-Generating Anti-Aging Essence (5,690 บาท)

จุดเด่นสุดแบบยังไม่ทันได้ลอง ยกให้แพ็คเกจเลยจ๊ะแม่ มีความเป็นราชนิกูลมาก หรูหราสมราคาห้าพันกว่าบาท แต่พอได้ลองทาจริง อ่ะ! เข้าใจได้กับราคาที่แอบแรง เนื้อเป็นลักษณะเอสเซนต์หนืดๆ นิดนึง แต่เกลี่ยง่าย กลิ่นโสมชัดมากๆ

หลังทาทันทีจะรู้สึกว่าหน้าชุ่มชื้นและนุ่มขึ้น ยิ่งถ้าใครชอบตื่นมาแล้วหน้าดูบวมๆ แนะนำให้ลองตัวนี้ จะช่วยลดอาการหน้าบวมได้ เพราะส่วนผสมหลักนั้นเน้นเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดนั่นเอง ยิ่งผิวใครเคยผ่านศึกการเลเซอร์แล้วอาจเกิดผิวแดงมาก่อน ตัวนี้จะช่วยปลอบประโลมผิวได้เริ่ดๆ เลย

ควรใช้ต่อเนื่องทุกๆ วันผิวก็จะเนียน และกระชับขึ้นแบบสัมผัสได้เลย แค่ใช้เวลาหน่อย เพราะฉะนั้นคนที่มีรูขุมขนกว้างยิ่งต้องใช้ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน ซึมไว ไม่เหนอะผิว แต่ถ้าใครยังไม่อยากทุบกระปุกซื้อ แนะนำให้ไปที่เคาน์เตอร์ขอขนาดทดลองมาลองใช้ก่อนได้จ้า

เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ  ไม่กระชับ และต้องการซ่อมแซมผิว

Lancôme Advanced Genifique (3,200 บาท)

ตัวนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของลังโคมเลย และถูกพัฒนาสูตรใหม่เมื่อช่วงปี 62 หลังจากที่ขายสูตรเดิมมาแล้วถึงสิบปี บอกเลยว่าในฐานะผู้ใช้จริง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ใหญ่หลวงมาก เพราะจริงๆ ส่วนผสมแทบจะเหมือนตัวเดิม แต่เด็ดตรงที่เพิ่ม Microbiome ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ธรรมชาติที่มีในผิวชั้นนอกอยู่แล้ว แต่แค่จะลดหายไปตามช่วงอายุผิว และไลฟ์สไตล์แต่ละคน

สูตรใหม่จะช่วยบำรุงได้มากกว่าตัวเดิม (ซึ่งทางแบรนด์บอกว่า 1 หยดของ เซรั่มขวดนี้ มี มากถึง 30 ล้าน Microbiome) เหมือนเป็นการเข้าไปช่วยฟื้นผิวให้แข็งแรงขึ้นได้เร็ว จึงเหมาะกับการกู้ผิวในช่วงผิวยับเยินมาก สูตรนี้เน้นปรับสมดุลผิวให้ผิวแข็งแรง ทำให้สภาพผิวโดยรวมเราดีขึ้น ผลพลอยได้อื่นๆ ก็จะตามมา เช่น สิวลดลง ผิวกระชับขึ้น ไม่แห้งขุย

แต่คนผิวแห้ง แนะนำให้ใช้สูตรมอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่นๆ ทาตาม เพราะตัวนี้จะซึมลงผิวแบบแนบสนิทสไตล์เซรั่มเลย จึงไม่ได้เน้นเรื่องผิวชุ่มชื้นแบบประเภทมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ส่วนคนที่แพ้น้ำหอม ลองใช้ก่อนก็ดีนะจ้า เนื่องจากตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม

เหมาะกับ: คนที่อยากมีผิวแข็งแรงขึ้น จากปัจจัยของอายุและสภาพแวดล้อมต่างๆ

Shiseido Benefiance Wrinkle Smoothing Day Emulsion SPF 30 PA+++ (2,400 บาท)

มาที่ครีมผสมกันแดดบ้าง สำหรับตอนกลางวัน เน้นเรื่องลดเลือนริ้วรอยเป็นหลัก และช่วยป้องกันผิวจากพวกฝุ่นควันต่างๆ โดยตัวเนื้อครีมจะไม่ถึงกับหนักมาก แต่ก็ไม่เบาเกินไป กำลังดีกับการทาช่วงกลางวัน ซึมลงผิวได้ดี และข้อดีอีกอย่างคือ ถึงแม้ว่าจะมีกันแดดผสมแต่ก็ไม่ทำให้หน้าลอย เป็นคราบขาวระหว่างวัน และจากที่ลองใช้ หลังผ่านไป 4 ชั่วโมง อาจจะมีความมันบ้างช่วงทีโซน ซึ่งถือว่ารับได้จ้า

บอกเลยว่าตัวนี้ใครใช้แล้วชอบ ก็อาจจะพึ่งขวดนี้ยาวๆ เพราะชิเซโด้ใช้เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของตัวเองในการผลิตขึ้นมาเลย ซึ่งแบรนด์อธิบายไว้ว่าจะเป็นการช่วยฟื้นบำรุงผิวที่รับการบำรุงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผ่านระบบการสื่อสารของผิว ส่วนเรื่องการช่วยเรื่องริ้วรอยนั้น ให้ใช้ต่อเนื่องยาวๆ ไปก่อน แต่จะเหมาะกับริ้วรอยตื้นหน่อย และเกิดไม่นานจ้า

เหมาะกับ: เน้นเรื่องช่วยริ้วรอยแรกเริ่ม และผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น

Clarins Extra Firming Nuit (3,600 บาท)

กระปุกนี้มาเพื่อการบำรุงยามค่ำคืน อารมณ์ส่งเราเข้านอนพร้อมกลิ่นครีมสดชื่นแนวดอกไม้เลยจ้า ซึ่งเราแนะนำตัวนี้เพราะส่วนผสมค่อนข้างเด่น ตามข้อมูลนั้นมาจากธรรมชาติ 85% และเกินครึ่งเป็นออร์แกนิกอีกด้วย จึงเหมือนช่วยให้เรามั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า ผิวเราจะได้รับการบำรุงอย่างปลอดภัยนั่นเอง

มาที่เนื้อครีม ซึ่งด้วยความที่เป็นครีมตอนกลางคืน เนื้อจึงเข้มข้นมาก แต่หลังทาจะไม่รู้สึกเหนอะผิว กลับรู้สึกนุ่ม และชุ่มชื้นขึ้น คุณสมบัติเด่นๆ เลย เป็นครีมที่ช่วยเติมอาหารให้ผิวเราแข็งแรงตอนนอน จึงเป็นได้ทั้งตัวซ่อมแซมผิว และป้องกันผิวจากการเผชิญพวกมลภาวะต่างๆ ตอนกลางวัน ผิวจึงรู้สึกแน่นกระชับขึ้น แบบรู้สึกได้จริงๆ แต่ขอขีดเส้นใต้ชัดๆ ว่าควรใช้ติดต่อกันมากกว่า 1 เดือนจะเห็นผลชัดขึ้นนะจ้า

เหมาะกับ: คนที่แต่งหน้าหนัก เจอมลภาวะมาก เพื่อช่วยฟื้นผิวตอนนอน

คำแนะนำเพิ่มเติม: การรีวิวเป็นเพียงความคิดเห็นจากการใช้จริงของผู้รีวิว แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวเดิมแต่ละคนด้วยนะจ้า