สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ.2563 จนถึงช่วงต้นปี พ.ศ.2565 มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น โดยเฉพาะในเด็กซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค ประกอบกับไวรัสมีการปรับตัวกลายพันธุ์เกิดสายพันธุ์ใหม่ ก่อให้การเกิดระบาดในวงกว้าง ยากต่อการรับมือป้องกัน
เชื้อโควิด-19กับเด็ก
เด็กสามารถติดเชื้อโควิด-19ได้ ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือละอองสารคัดหลั่งที่มีเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย 3 ทางหลักๆ ได้แก่
1.อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ในพื้นที่ปิด แล้วหายใจรับเชื้อไวรัสโควิด19
2. เมื่อผู้ป่วยโควิด จามหรือไอ แล้วเด็กได้รับละอองเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ตา หรือปาก
3. ผ่านการสัมผัส ตา จมูก หรือปากด้วยมือที่เปื้อนเชื้อโควิด-19
อาการโรคโควิด-19 ในเด็ก
ผู้ป่วยโควิดมีการแสดงอาการหลากหลาย ตั้งแต่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจนถึงป่วยหนัก ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่จะป่วยหนักได้แก่ อายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ หรือโรคที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น แม้ผู้ป่วยเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงก็สามารถป่วยหนักได้ อาการอาจจะแสดงในวันที่ 2-14 ภายหลังจากได้รับเชื้อโควิด-19
อาการแสดง ได้แก่
- ไข้
- ไอ
- อ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ปวดศีรษะ
- ไม่ได้กลิ่นหรือลิ้นไม่รับรส
- เจ็บคอ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ถ่ายอุจจาระเหลว
กรณีอาการรุนแรง เด็กอาจมีอาการแสดงเหล่านี้ แน่นหน้าอก ซึม กระสับกระส่าย หายใจลำบาก ดื่มนมหรือกินอาหารไม่ได้ มีอาการเขียว
ดูแลป้องกันอย่างไรให้ห่างไกลจากโควิด-19
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ให้คำแนะนำแนวทางสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กในการป้องกันการแพร่เซื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อโรค COVID-19 จากเด็กที่ติดเชื้อไปสู่บุคคลอื่นไว้ ดังนี้
การดูแลและล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ (Keep your Hands Clean)
- สอนเด็กให้รู้จักล้างมืออย่างถูกต้องตามมาตรฐาน 7 ขั้นตอน
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี นานอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์ล้างมือที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70%
- ปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษณะ ไอ/จามต้องปิดปากและจมูกด้วยการงอศอก หรือใช้กระดาษชำระปิด จากนั้นนำไปทิ้งในที่ที่เหมาะสม และล้างมืออีกครั้งเพื่อทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสบริเวณ ตา จมูก ปาก
- ให้เด็กล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทันทีที่กลับเข้าบ้าน หลังใช้ห้องสุขา และก่อนรับประทานอาหาร รวมถึงพ่อแม่ต้องดูแลความสะอาดก่อนจัดเตรียมอาหารด้วย
การเว้นระยะห่าง (Practice Social Distancing)
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในบ้าน ทั้งเด็กและสมาชิกในบ้าน
- ให้เว้นระยะห่าง 6 ฟุตหรือ 1 เมตร กับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน
- กรณีมีเด็กคนอื่นมาที่บ้าน ควรให้เด็กเล่นกันนอกบ้าน และเว้นระยะห่าง 6 ฟุต
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการใช้ของเล่นหรืออุปกรณ์ร่วมกัน เช่น ลูกฟุตบอล บาสเก็ตบอล ฯลฯ
การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในบ้าน (Clean and Disinfected your Home)
- ใช้สบู่กับน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ เช่น น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของ Sodium Hypochlorite โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้อง เช็ดทำความสะอาดบริเวณดังต่อไปนี้
- พื้นผิวบริเวณที่มีการใช้ร่วมกันทุกวันและบริเวณที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ผ้าปูโต๊ะ ลูกบิดประตู มือจับประตู เก้าอี้ สวิตช์ไฟ รีโมทคอนโทรล เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้าต่าง โต๊ะ ห้องน้ำ อ่างล้างมือ เป็นต้น
- บริเวณที่สกปรกได้ง่าย เช่น โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม โต๊ะอาหาร
- พื้นผิวบริเวณที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ เช่น ขอบเตียงนอน โต๊ะวางของเล่น หรือของเล่นต่างๆ โดยเฉพาะของเล่นเด็กชนิดที่เด็กอาจหยิบใส่ปากได้ ให้ทำความสะอาดโดยใช้สบู่และน้ำสะอาด และระวังอย่าให้มีคราบสบู่ตกค้าง
- ในกรณีที่จำเป็นจะต้องดูแลเด็กที่ติดเชื้อ COVID-19 ให้พ่อแม่ผู้ปกครองล้างมือทุกครั้งหลังจับต้องสิ่งของและของเล่นที่เด็กใช้ รวมถึงหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือผ้าปูเตียงเด็ก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ และควรรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
การสวมใส่หน้ากากอนามัย (Wear Face Mask)
- แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน หรือไปในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่น
- แนะนำให้เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไปสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว
- ไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ หรือเด็กที่มีปัญหาด้านการหายใจ รวมถึงเด็กที่อยู่ในสภาพที่ถอดหน้ากากเองไม่ได้ สวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากระบบทางเดินหายใจของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กอาจขาดออกซิเจนและเป็นอันตรายได้ ควรใช้การเว้นระยะห่างอย่างต่ำ 2 เมตร หรือเอาผ้าคลุมรถเข็นที่มีเด็กนอนอยู่แทน
ที่สำคัญที่สุดคือ ควรพาเด็กไปรับการตรวจสุขภาพและรับวัคซีนตามนัด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ โดยเลือกรับบริการเฉพาะสถานพยาบาลที่แยกบริเวณเด็กป่วยกับเด็กไม่ป่วยออกจากกัน ไม่ให้ปะปนกันอย่างชัดเจน