Home How to SPF & PA แฝดพี่แฝดน้องคู่หูพิทักษ์ผิวจากแสงแดด – Beauty See First

SPF & PA แฝดพี่แฝดน้องคู่หูพิทักษ์ผิวจากแสงแดด – Beauty See First

0

SPF & PA แฝดพี่แฝดน้องคู่หูพิทักษ์ผิวจากแสงแดด

เชื่อว่าสาวๆบิวตี้รู้ดีกันอยู่แล้วว่ากันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ความงามที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลผิวขั้นพื้นฐานที่ต้องทำทุกวันเป็นประจำห้ามขาด แต่ใช้กันแดดกันอยู่ทุกวัน รู้หรือไม่ว่าค่า SPF และ PA คืออะไร?

SPF และ PA คืออะไร?

ค่า SPF และค่า PA ในครีมกันแดด คืออะไร ต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะสม -  mesoestetic | เซรั่ม แอมพูล

SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor

PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA

ซึ่งหน้าที่หลักๆของทั้ง2 คือช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB เพื่อช่วยไม่ให้ผิวเกิดการดูดซับรังสี รวมไปถึงป้องกันแสง UV ไม่ให้ผ่านเข้าไปถึงชั้นผิว หรือทำให้รังสี UV แตกกระจายออกไปเพื่อไม่ให้เข้าทำร้ายผิวโดยตรง พูดง่ายๆก็คือทั้ง 2 เป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวที่ช่วยปกป้องผิวในทุกๆทางไม่ให้ถูกทำร้าย

รังสียูวีจากแสงแดด ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือรังสี UVA และรังสี UVB

จบทุกข้อสงสัย! UVA และ UVB คืออะไรและต่างกันอย่างไร?

  • ค่า PA ช่วยปกป้องผิวจาก รังสี UVA คือรังสีความยาวคลื่นยาว สามารถทะลุกระจกหรือหน้าต่างได้ ตัวการทำร้ายลึกถึงชั้นผิว ทำให้เกิดสารพัดปัญหาผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ  การอักเสบหากโดนบ่อยๆอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
  • ค่า SPF ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB คือรังสีความยาวคลื่นกลาง-ยาว สามารถทะลุกระจกหรือหน้าต่างได้ ทำลายผิวชั้นบนทำให้รู้สึกแสบร้อน

ทำความรู้จักค่าของ SPF และ PA คำนวนอย่างไร?

SPF คือ? เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสีผิว | How To Perfect

SPF เป็นค่าการป้องกันรังสีUVB ที่จะมาเป็นตัวเลข ซึ่งเลขของ SPF ที่เราเลือกใช้จะบอกให้รู้ว่า เราจะอยู่กลางแสงแดดได้นานเแค่ไหนโดยที่ผิวเราจะไม่ไหม้หรือแสบร้อนซึ่งวิธีการคำนวณก็ไม่ยาก นำค่า SPF ที่เลือกใช้มาคูณกับระยะเวลาของผิวเราทนต่ออาการแสบร้อนได้ยามออกแดด

เช่นปกติ หากผิวของเราที่ไม่ทากันแดดผิวสามารถทนความร้อนได้ที่ 10 นาที วิธีคำนวณค่า SPF 15 ก็คือ15 x 10= 150

SPF15 ก็หมายความว่าจะช่วยปกป้องผิวไม่ให้รู้สึกแสบร้อนได้โดยประมาณ 150 นาทีนั้นเอง

แต่ใช่ว่าการเลือกค่า SPF สูงมากๆจะดีเสมอไปนะ เพราะจริงๆแล้วค่า SPF สูงๆ อาจมีผลเสียตรงที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเราแนะนำว่าเลือกแบบพอดีๆถือว่าดีที่สุด

PA เป็นค่าการป้องกันรังสี UVA มาเป็นสัญลักษณ์ (+) ซึ่งเท่ากับจำนวนเท่าในการป้องกันผิว ซึ่งค่าของ PA ยังไม่หน่วนวัดเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนักแต่สามารถแบ่งระดับการปกป้องผิวได้ตามนี้

ค่าPA สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน

PA+ ให้การป้องกันรังสี UVA ระดับเริ่มต้น

PA++ ให้ในการป้องกันรังสี UVA ระดับกลาง

PA+++ ให้การป้องกันรังสี UVA ระดับสูง

PA++++ ให้การป้องกันรังสี UVA ระดับสูงสุด

เลือกค่ามากไปก็ไม่ได้ น้อยไปก็ไม่ได้ ใช้เท่าไหร่ถึงพอ?

  • พาไปดูวิธีเลือกซื้อครีมกันแดด ว่าค่า SPF และ PA  เท่าไรถึงจะดีสำหรับสาวกลัวแดดกันค่ะ

วิธีการเลือกค่าของกันแดดหลักๆแล้วขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราจะไปทำในแต่ละวันซึ่งหากใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆไปที่อยู่ในตึกหรือในบ้านตลอดไม่ค่อยได้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเลือกค่า SPF ที่ประมาณ 30 ส่วนค่า PA ++ หรือ PA+++ น่าจะกำลังพอดีๆ

แต่หากใครต้องมีกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องออกแดดทั้งวัน แนะนำให้เลือกค่า SPF50 PA++++ น่าจะดีที่สุดและแนะนำว่าถ้าอยู่กลางแจ้งต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานานเราแนะนำให้ทาทับๆทุกๆ30 นาที หรือทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำ

ปริมาณการใช้งาน

เลือกค่าการปกป้องได้ตรงตามไลฟสไตล์แล้วทีนี่มาถึงเรื่องของปริมาณกันบ้าง จากที่เราได้อ่านงานวิจัยหรือคำแนะนำของคุณหมอหลายๆคนสรุปได้ว่าเรื่องของปริมาณในการใช้งานมีความสำคัญไม่น้อยเลย เพราะหากทาน้อยไปก็จะทำให้ประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดดไม่เพียงพอทำให้ทำงานไม่เต็มที่ และหากใช้มากไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกันเพราะอาจก่อให้เกิดการอุดตันและในรายที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ด้วยเช่นกัน

และเพื่อเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้นการเลือกใช้กันแดดในปริมาณ 1 เหรียญ 10 จะเป็นค่าโดยประมาณที่ถูกแนะนำว่าเป็นจำนวนที่พอเหมาะในการใช้ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด

ซึ่งไม่ต้องตกใจว่าจะมากไปไหมเพราะจริงๆแล้วกันแดดในยุคนี้ถูกพัฒนาสูตรและเนื้อสัมผัสมาให้เบาสบายผิวมากขึ้นโดยสาวๆสามารถเลือกเนื้อกันแดดให้เหมาะสมตามสภาพผิวและกิจกรรมที่ไปทำซึ่งยุคนี้แบรนด์บิวตี้จัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใครดังนั้นเรื่องของความหนาเหนอะ ขาวจนลอยบอกเลยว่าไม่มีอีกต่อไป

ความถี่ในการใช้งาน

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่ากันแดดจำเป็นแค่ในวันที่ต้องออกไปข้างนอกเท่านั้น ในวันอยู่บ้านไม่จำเป็นต้องทาก็ได้ หรือบางคนเลือกไม่ทากันแดดไม่วันฝนตกเพราะคิดว่าแดดไม่ออกกันแดดก็ไม่จำเป็น

เราขอบอกเลยว่าไม่ได้เด็ดขาด จริงๆแล้วรังสียูวีนี่ร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ เพราะนอกจากคลื่น UVA จะสามารถทะลุทะลวงผ่านหน้าต่างมาลึกถึงชั้นผิวไปทำลายระบบให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่นฟ้ากระจุดด่างดำแล้ว คลื่นความร้อนจากรังสี UVB รวมถึงคลื่นความร้อนหน้าเตามีส่วนในการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินที่มาของจุดด่างดำอีกด้วย อีกทั้งแสงสีฟ้าก็ตัวดีนัก เพราะก็มีส่วนทำร้ายผิวเช่นกัน