ตอนนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และตามข้อมูลคุณหมอหลายท่านเองยังบอกว่าเป็นวิธีลดน้ำหนักด้วยตัวเองที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้ก็ว่าได้ กับ “ปากกาลดน้ำหนัก” โดยปัจจุบันก็มีแบรนด์ฮิตๆ อยู่ไม่กี่แบรนด์ แนะนำให้สอบถามข้อมูลเพิ่มแต่ละตัวที่คลินิกเป็นผู้จัดจำหน่ายอีกครั้ง แต่ทั้งนี้เราจะมาสรุปภาพรวมกันว่า ปากกาลดน้ำหนักทำงานอย่างไร และลดได้จริงหรือ? ปากกาลดน้ำหนักมีหลักการทำงานอย่างไรอย่างที่หลายคนคงค้นหาข้อมูลมาบ้างเกี่ยวกับปากกาลดน้ำหนักว่าผู้ใช้จะต้องมีการฉีดเข้าไปในร่างกายด้วยตัวเอง ซึ่งสารที่เข้าไปในร่างกายนนั้นมีชื่อว่า GLP-1 ซึ่งเป็นสารตามธรรมชาติที่ร่างกายมี และเมื่อฉีดไปบริเวณหน้าท้อง ส่วนหนึ่งของสารนี้จะเข้าไปกระตุ้นสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมอาหาร ทำให้เรารู้สึกอิ่ม ไม่อยากอาหาร จึงถือเป็นตัวช่วยเพื่อควบคุมการทาน เพราะฉะนั้นปากกาลดน้ำหนักจึงใช้งานได้จริงจากการที่เข้าไปปรับพฤติกรรมการทานของเรา และปัจจุบันยังไม่พบอันตรายต่อร่างกาย หากใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ ปากกาลดน้ำหนักเหมาะกับใครบ้าง และใครที่ไม่ควรใช้เหมาะสำหรับ: คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ และควรมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะกับ: ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้ป่วยไทรอยด์ ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหารอ่อนแรง ฯลฯ ควรจะปรึกษาคุณหมอเช่นกันเพื่อการระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ต้องใช้ปากกาลดน้ำหนักนานแค่ไหนปกติปากกาลดน้ำหนักจะฉีดทุกวัน โดยหนึ่งแท่งจะใช้ได้ประมาณ 15-30 วัน และตามข้อมูลเบื้องต้นคุณหมอจะแนะนำให้ใช้เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักในช่วง 3 เดือนแรกเท่านั้น ควบคู่กับโปรแกรมการควบคุมการทานปกติและการออกกำลังกาย และสามารถหยุดใช้ได้ก่อนหากได้น้ำหนักที่ต้องการ ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจซื้อไม่ควรซื้อใช้เอง ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถแนะนำวิธีใช้ให้เหมาะกับแต่ละคน นอกจากนี้ในช่วงที่ใช้พยายามเลี่ยงการทานน้ำตาลเยอะๆ อาจอาจรู้สึกน้ำตาลตกได้ …
ระบบร่างกายไม่ได้ต้องการแค่สารอาหารนะจ๊ะทุกคน แต่การทานอย่างเป็นเวลาก็จะยิ่งเสริมให้การทำงานดีขึ้น ร่างกายสมดุลขึ้น และเป็นผลให้หุ่นทุกคนก็เข้ารูปเข้ารอยได้เร็วขึ้น ตารางเวลาการกินที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ จึงเป็นเหมือนการเลือกทานหรืองดทานตามระบบการทำงานของร่างกายเรา โดยเฉพาะคนอยากลดน้ำหนัก ถ้าคุมการทานได้ตามเวลา ข้อดีคือไม่ต้องอดอาหาร และยังช่วยการสลายไขมันได้ดีขึ้นอีกด้วย ตารางเวลากับระบบการทำงานของร่างกาย 07.00 – 09.00 แนะนำให้ทานอาหารเช้าช่วงนี้เลย เพราะกระเพาะของเรากำลังเริ่มทำงาน จึงช่วยการย่อยได้ดี และเหมือนทานเวลานี้สม่ำเสมอจะยิ่งทำให้ไม่เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะอักเสบ หรือโรคกรดไหลย้อนได้ 09.01 – 11.00 ช่วงนี้งดกินอาหารอิ่มท้องหรือของว่างได้จะดีที่สุด เพราะร่างกายจะแปรเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เป็นไขมันส่วนเกิน แต่ถ้าหิวจริงๆ อาจทานพวกโยเกิร์ตไขมันต่ำ หรือพวกสลัดผักเบาๆ แทนไปก่อนจ้า 11.01 – 13.00 ควรทานข้าวเที่ยงปกติ ซึ่งสามารถทานพวกโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตได้ เพื่อให้ร่างกายนำสารอาหารไปแปรเป็นพลังงานต่อไป และคนลดน้ำหนักไม่ต้องกังวลว่าจะอ้วนไหม โดยเฉพาะชาวออฟฟิศ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานไว้ให้เราใช้นั่นเอง 13.01 – 15.00 เวลานี้ควรงดอาหารไปก่อนเลยจ้า เพราะกระเพาะของเราอาจทำงานหนักเกินไปจากการย่อยมื้อเที่ยง 15.01 – 17.00 ของเสียที่เกิดจากการแปรรูปจะขับออกมาในรูปแบบของเหงื่อ และเป็นช่วงที่กระเพาะปัสสาวะจะทำงานมากที่สุด เพราะฉะนั้นหากออกกำลังกายเบาๆ จะยิ่งส่งเสริมกัน เช่น การเดินขึ้นลงบันได การโยคะ การวิ่งเยาะๆ เป็นต้น 17.01 …
ยางซูบิน ไอดอลสายกินสัญชาติเกาหลีที่มีคนติดตามทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก จากเดิมที่ยางซูบินหนักถึง 131 กิโลกรัม จนปัจจุบันเธอเปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ว่าน้ำหนักเหลือเพียง 92.7 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าลดไปกว่า 30 โลเลยทีเดียว และไม่นานมานี้ซูบินก็ปล่อยภาพเทียบหุ่นอดีตและปัจจุบันในอินสตาแกรมส่วนตัวอีกด้วย สุดมากแม่! ยางซูบิน ใช้วิธีการลดน้ำหนักแบบไม่รีบแต่ได้ผล ยางซูบิน เล่าเรื่องการลดน้ำหนักผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจ officialYangSoobin แทบจะทุกข้อสงสัยที่แฟนๆ อยากรู้ ซึ่งเราว่าเป็นข้อมูลที่ดีมาก และเป็นสิ่งที่ตัวเธอเองก็พิสูจน์ว่าทำได้จริง เราจึงนำข้อมูลบางประเด็นสำคัญๆ มาเล่าย้อนอีกครั้ง เผื่อให้ทุกคนฮึดลดน้ำหนักแบบซูบินกันบ้าง ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ จึงไม่ได้กำหนดเวลาที่บังคับตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ลดอย่างสม่ำเสมอ แต่เน้นระเบียบวินัยทั้งการออกกำลังกาย และการกิน การลดน้ำหนักของซูบินครั้งนี้จึงใช้เวลา 1 ปี ลดไป 30 กว่าโลจ้า ลดปริมาณข้าวจากการทานปกติเหลือครึ่งนึง และจัดตารางการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่แน่นมาก โดยอาจจะมีวันที่โกงการกินเพียง 1 วันต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนี้ต้องหยุดกินขนม และมื้อดึกๆ หันไปทานพวกโยเกิร์ตหรือแยมไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมันไปเลย ซึ่งยี่ห้อที่ซูบินเลือกคือ โยเกิร์ตของ Fage และแยมของ Bella อาหารเสริมทานได้ และซูบินเองก็ทานเป็นประจำทุกวันควบคู่กับมื้อหลัก โดยเฉพาะตัวที่ช่วยเสริมการไดเดทอย่าง …
HELLO IT’S ME~~~~~~ จากที่เจ้าของบทเพลงชื่อดัง Hello ออกมาเผยรูปร่างสุดเป๊ะให้เห็นผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเมื่อต้นพฤษภาคม ผู้คนในโซเชียลต่างก็ให้ความสนใจถึงวิธีการลดน้ำหนักของสาว Adele นักร้องดีว่าชื่อดัง ซึ่งข้อมูลในเว็บไซต์ต่างประเทศก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอใช้ออกกำลังกายอย่างจริงจังโดยเทรนเนอร์และนักโภชนาการเป็นผู้วางแผนการลดน้ำหนักให้ และเลือกวิธี Sirt Diet ด้วยการทาน Sirtfood เพื่อเข้าไปกระตุ้นยีนส์ผอม! Sirt Diet การลดที่ไม่เน้นอด เน้นการกินกระตุ้นยีนวิธีการลงน้ำหนักที่ถูกพูดถึงเมื่อปี 2016 ในอังกฤษ คิดค้นวิธีโดยนักโภชนาการ 2 ท่าน Aidan Goggins และ Glen Matten เป็นวิธีการกินที่จะเข้าไปกระตุ้นยีนเซอร์ทูอิน (Sirtuin gene) ที่จัดอยู่ในกลุ่มของโปรตีน ช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน สามารถเก็บพลังงานสะสมได้มากในอาหารเพียงเล็กน้อย จนบางคนก็เรียกยีนนี้ว่า ยีนอดอยาก ยีนอายุยืน หรือยีนผอม ซึ่งวิธีการไดเอตแบบนี้เราจะเลือกทานอาหารที่เรียกว่าการทาน Sirtfood เป็นกลุ่มอาหารชนิดต่างๆ ที่เมื่อทานเข้าไปจะไปกระตุ้นการทำงานของยีนเซอร์ทูอิน โดยเน้นการทานผักและผลไม้ อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ อย่างผักเคล ชาเขียว แอปเปิ้ล เบอร์รี่ชนิดต่างๆ รวมถึงของหวานบางชนิดที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานได้อย่างดาร์กช็อกโกแลต ไวน์แดง และกาแฟ โดยสามารถทานได้เป็นครั้งคราว …
เป็นอีกสูตรการลดน้ำหนักตามแนวทางอาหารทางเลือกอีกแนวทางที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย สำหรับ Ketogenic ที่มีหัวใจหลักสั้นๆ ว่าคือการ่ไขมันด้วยไขมัน ดังนั้นอาหารหลักๆ ที่ต้องกินคือไขมัน! และงดอาหารประเภทอื่น แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าการลดน้ำหนักต่างๆมีความเสี่ยง หากทำไม่ถูกต้อง หรือหักโหมจนเกินไปก็อาจเปลี่ยนจากลดน้ำหนักกลายเป็นเพิ่มน้ำหนัก และอาจทำให้ป่วยได้ดังนั้นเราจึงอยากให้ทุกคนศึกษาให้ดี พร้อมกับสำรวจความพร้อมของร่างกายตัวเองก่อน ว่าเหมาะกับการลดน้ำหนักแบบนี้หรือไม่ ส่วนใครที่มีปัญหาสุขภาพก็แนะนำว่าควรปรึกษาคุณหมอก่อนจะดีที่สุดค่ะ คอนเซ็ปต์หลัก ของ Ketogenic Diet หรือเรียกสั้นๆ ว่า Keto Diet โดยคีโตเน้นไปที่การลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะใช้พลังงานจากหลักจากไขมันที่สะสมไว้แทน จำกัดจำนวนของโปรตีนและคารฺโบไฮเดรต แต่กินอาหารที่มีไขมันเป็นหลัก ร่างกายจะผลิตกรดที่เรียกว่าคีโตน (Ketones) เมื่อเรากินอาหารตามแนวทางของ Keto Diet อย่างเคร่งครัด กระทั่งร่างกายสร้างคีโตนอยู่ในระดับที่สูงเพียงพออย่างต่อเนื่อง จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะคีโตซิส (Ketosis) และใช้พลังงานหลักจากไขมันที่สะสม (ร่วมกับที่กินเข้าไป) แทน โดยช่วงที่น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด คือช่วงแรกของการเริ่มกิน Keto Diet อย่างเคร่งครัด จนร่างกายอยู่ในสภาวะคีโตซิส แต่ในระยะยาวก็ยังไม่เป็นที่แนะนำนัก เพราะก็เหมือนแนวทางการลดน้ำหนักอื่นๆ หากไม่จริงจังเคร่งครัดภาวะ Yoyo Effect ก็เกิดขึ้นได้ รวมทั้งในระยะยาวการกินอาหารที่มีแต่ไขมันเป็นหลักย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะท้ายที่สุดแล้วเรายังจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบ 5 …