ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยขณะนี้ เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีหลายมาตรการที่เริ่มผ่อนผัน เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม แต่เราก็ยังคงต้องเข้มงวดกับการปฏิบัติตัว เพื่อไม่ให้ติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค COVID-19 ได้ง่าย ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่ ผู้ที่มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกาย ≥ 35 กก./ตรม.) และผู้ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ต้องติดต่อคนจำนวนมาก หรือผู้ที่ไปในสถานที่แออัด
พฤติกรรมเสี่ยงติด COVID-19 และแพร่เชื้อ
มีดังต่อไปนี้
- ชอบขยี้ตา แคะจมูก สัมผัสใบหน้า
- กลับถึงบ้านแล้วไม่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
- ไม่ล้างมือ หลังสัมผัสสิ่งของต่างๆ
- ไม่พกหน้ากากอนามัย และ เจลล้างมือ
- อยู่ใกล้กัน ไม่เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร
- สัมผัสใกล้ชิดกับคนรักและคนในครอบครัว
- ป่วยแล้วไม่กักตัวเองอยู่บ้าน
- ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน ทานอาหารจานเดียวกัน
- ทานอาหารปรุงไม่สุก หรือทิ้งไว้นานแล้ว
- ปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน
เราทุกคนก็ควรลดการทำพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เพราะอาจจะทำให้โรคกลับมาระบาดรุนแรงอีกระลอกหนึ่งได้ และควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1. ล้างมืออย่างถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก
2. สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
3. หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะโดยไม่จำเป็น หากเลี่ยงไม่ได้ เมื่อไปในสถานที่ต่างๆ ควรปฏิบัติดังนี้
- ร้านอาหาร
- เลือกร้านที่จัดโต๊ะแบบรักษาระยะห่าง และมีพื้นที่ระบายอากาศ ผู้ขายใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
- จองคิวล่วงหน้า หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
- เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ๆ
- แยกสำรับอาหาร ไม่ใช้ภาชนะ ช้อนส้อมร่วมกับผู้อื่น
- ร้านทำผม ร้านทำเล็บ หรือร้านเสริมสวย
- เลือกร้านที่มีการทำความสะอาดที่นั่ง รวมถึงอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้งานอย่างได้มาตรฐาน
- เลือกร้านที่พนักงานใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ สวมถุงมือก่อนสัมผัสลูกค้า
- จองคิวล่วงหน้า
- ผู้รับบริการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่รับบริการ และจำกัดการพูดคุยกับพนักงาน
- ศูนย์การค้า
- จดรายการที่ต้องซื้อล่วงหน้า
- งดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามศูนย์การค้า
- หลีกเลี่ยงการลองเสื้อผ้า แว่น หรือเครื่องสำอาง
- ชำระเงินแบบไร้สัมผัส
- ขนส่งสาธารณะ
- รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร
- หลีกเลี่ยงการโดยสารลิฟต์โดยไม่จำเป็น
- ไม่ควรเดินทางหากรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการป่วย
- สวนสาธารณะ
- ควรเว้นระยะห่างกับผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร
- ขณะเดินหรือวิ่ง ให้มีระยะเยื้องกัน
- ล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์หลังเสร็จกิจกรรม
- ไม่รวมกลุ่มพูดคุยกับผู้อื่น หรือสัมผัสสิ่งของ
สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ควรปรึกษาแพทย์
ยาที่ควรมีติดบ้านช่วงโควิด-19
ยาประจำตัว สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรวางแผนเรื่องของยาให้มียาทานต่อเนื่อง 1-2 เดือน เพื่อลดการเดินทางไปโรงพยาบาล และลดการกำเริบของโรค
ยาพาราเซตามอล โดยให้กินยาพาราเซตามอลทันทีเมื่อมีไข้ หรือมีไข้สูงเกิน 37 องศาเซลเซียส เนื่องจากนอกจากอาการโควิด-19 การมีไข้สูงอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น หัวใจเต้นเร็ว ร่างกายอ่อนเพลีย หรือร่างกายขาดน้ำ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นยาช่วยบรรเทาอาการที่ไม่รุนแรง แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันการป่วยจากโควิด-19 ใช้ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรครุนแรง หรือผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ใช้เมื่อเริ่มมีอาการป่วยเล็กน้อย เช่น คัดจมูก มีน้ำมูก ไม่ควรกินเกินวันละ 180 มิลลิกรัม แบ่งกินวันละ 3-4 ครั้ง
ข้อควรระวัง :
- ไม่ควรกินเกิน 5 วัน หลังกินยาฟ้าทะลายโจรไป 3 วันหากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
- ไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจร ร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาลดความอ้วน
- ควรเลือกซื้อยาฟ้าทะลายโจรที่ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น
ยาแก้ไอแบบเม็ด Dextromethorphan ถ้ามีอาการไอเยอะ สามารถกินได้ แต่ควรกินตามขนาดที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ และกินเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีอาการปอดอักเสบ เนื่องจากสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบแล้ว หลายคนจะมีอาการไอมากกว่าปกติ รวมถึงมีเสมหะจำนวนมาก
ยาลดน้ำมูก Chlorpheniramine หรือ CPM เป็นยาเพื่อช่วยลดเสมหะ ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
ยาแก้แพ้ Fexofenadine เป็นยาที่มีฤทธิ์ช่วยลดน้ำมูก
ผงเกลือแร่