เข้าใจผิวตามช่วงฮอร์โมน มีผิวใสได้ไม่แคร์อายุ
เป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือ การมีประจำเดือนเมื่อถึงวัยที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง หรือวัยเจริญพันธุ์นั่นเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะมีช่วงอายุเท่าไร แต่จากการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่ผู้หญิงไทยเฉลี่ยแล้วจะเริ่มต้นที่อายุ 12 ปี 7 เดือน และเฉลี่ยความสม่ำเสมอของการมีประจำเดือนอยู่ที่ 28 วัน (บางคนอาจจะช้าหรือเร็วกว่านี้) และอีกสิ่งที่ตามมาจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทุกๆ เดือนนี้ คือผิวที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
หลายคนบ่นอุบว่าช่วงนี้หน้าใส แต่ผ่านไปไม่กี่วันหน้าหมองคล้ำอีกล่ะ สิวก็มาๆไปๆ บอกเลยว่าส่วนหนึ่งมาจากเรื่องฮอร์โมนผิวล้วนๆ เพราะฉะนั้นลองมาวิธีการดูแลผิวตามช่วงฮอร์โมนกันว่าต้องปฏิบัติตัวต่อผิวหน้าสาวๆ ได้อย่างไร
คำศัพท์เกี่ยวกับฮอร์โมนที่ควรรู้
Estrogen คือฮอร์โมนเพศหญิงที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ มีหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ แต่เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนนี้จะลดลง
Progesterone คือฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างตัวอยู่ในรังไข่ หรือในรก หากกำลังตั้งครรภ์ ทำหน้าที่เพื่อให้เยื่อบุมดลูกพร้อมกับการฝังตัวเพื่อปฏิสนธิ จึงมีความเกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนโดยตรง
ฮอร์โมนของผิวนั้นแบ่งเป็น 3 ช่วงในหนึ่งรอบการมีประจำเดือน
นับรอบตามเฉลี่ยการมีประจำเดือนที่ 28 วัน โดยเราจะเริ่มช่วงมีประจำเดือนวันแรกเพื่อการนับช่วงและทำความเข้าใจง่ายขึ้น
ช่วงที่ 1 ช่วงเป็นประจำเดือน ในสัปดาห์แรก
โดยเราจะนับตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายที่เป็นประจำเดือน ใช้เวลาประมาณ 1-5 วัน ช่วงนี้โดยระดับฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone จะต่ำทั้งคู่ ซึ่งจะส่งผลต่อผิวตามนี้
ความเปลี่ยนแปลงของผิว
- ข้อดีคือผิวมันน้อยลง
- ข้อเสียเป็นช่วงที่ผิวก็อ่อนแอ ไวต่อการกระตุ้นและต้องได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ
- อุณหภูมิร่างกายจะลดลง ทำให้การหมุนเวียนของเลือดช้าลง จึงส่งผลให้ผิวเกิดความหมองคล้ำได้ง่าย
การดูแลผิวในช่วงนี้
- เน้นดูแลผิวขั้นพื้นฐาน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ได้แก่ ทำความสะอาด เติมความชุ่มชื่น และปกป้องผิวจากแสงแดด
- เสริมการดูแลเป็นพิเศษด้วยเซรั่มเพิ่มความกระจ่างใส เพื่อลดความหมองคล้ำ
- หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้นสูง หรือมีส่วนผสมของน้ำหอม โดยอาจเลือกใช้เป็นสูตรเซรั่มหรือโลชั่นที่มีความบางเบาแทน เพราะผิวในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างอ่อนแอจึงอาจเกิดโอกาสการแพ้ได้ง่ายกว่า
ช่วงที่ 2 หลังหมดประจำเดือน ในสัปดาห์ที่ 2 – 3
นับได้ตั้งแต่วันแรกของการหมดประจำเดือน ใช้เวลาประมาณ 6-21 วัน เป็นช่วงที่ฮอร์โมน Estrogen สูง ร่างกายจึงเหมือนปรับมาสู่โหมดปกติ
ความเปลี่ยนแปลงของผิว
- ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวแข็งแรง มีความชุ่มชื้น และกระจ่างใสมากกว่าช่วงกำลังมีประจำเดือน ถ้าพูดให้ง่ายขึ้นคือ ร่างกายไม่มีความแปรปรวนใดๆ นั่นเอง
การดูแลผิวในช่วงนี้
- ใครอยากลองสกินแคร์ใหม่ๆ ช่วงนี้เหมาะมาก เพราะผิวจะแข็งแรง สามารถซึมซับและเห็นผลในทางที่ดี
- เลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว อย่าง วิตามินซี แถมยังช่วยบูสผิวให้แข็งแรง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ใช้มาสก์หน้าชนิดโคลน, การ peeling หรือแม้แต่การสครับผิวตามปัญหาที่ต่างไปตามบุคคล แต่ถ้าแบบเบสิกสุดแนะนำการสครับหน้าแบบอ่อนโยนที่ทำได้ทุกสภาพผิว แม้แต่ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ไม่ต้องห่วง
ช่วงที่ 3 ก่อนมีประจำเดือน ในสัปดาห์ที่ 4
ช่วงนี้จะใช้เวลา 22-28 วัน หรือช่วงกำลังตกไข่จนถึงรอบเดือนใหม่ ซึ่งช่วงนี้แหละที่โอกาสตั้งครรภ์สูงมาก เพราะฮอร์โมน Progesterone สูง
ความเปลี่ยนแปลงต่อผิว
- มีการขยายตัวของต่อมไขมันใต้ชั้นผิว จึงมีแนวโน้มผิวมันมากขึ้น อาจทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย และเป็นสิวมากขึ้นเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะสิวอักเสบ สิวผด หรือสิวเสี้ยนก็ตาม
การดูแลผิวในช่วงนี้
- เลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก เพื่อขจัดพวกความมันส่วนเกิดในรูขุมขน และหากเกิดสิวในช่วงนี้ก็จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้
- เน้นเรื่องการทำความสะอาดผิวหน้าให้เกลี้ยงเกลา เพื่อลดโอกาสการอุดตันผิว และยิ่งถ้ามีส่วนผสมของ AHA จะช่วยกำจัดเซล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยลดความหมองคล้ำของผิว
- หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่ไปกระตุ้นให้เกิดความมันเพิ่ม เช่น การใช้ออยล์เข้มข้น หรือผลิตภัณฑ์เนื้อหนักๆ สำหรับสาวผิวมันลองเลือกสูตรที่ช่วยควบคุมความมัน
- แม้ผิวจะมันและอุดตันได้ง่ายเป็นพิเศษในช่วงนี้ แต่ก็ห้ามงดการบำรุงเติมความชุ่มชื้นเป็นอันขาดเพื่อให้ผิวสมดุลมีระดับน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวมันอยู่ในระดับปกติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
คำแนะนำเพิ่มเติม
การดูแลผิวตามช่วงฮอร์โมน โดยใช้วิธีการเลือกบำรุงตามการนับวันของรอบประจำเดือนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งความเข้าใจที่จะช่วยดูแลผิวของสาวๆ ได้ โดยไม่ได้ใช้อายุมาเป็นตัวตั้ง แต่การเลือกสูตรการบำรุงหรือแบรนด์ที่เหมาะสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ปัญหาผิวสะสมของแต่ละคน เพราะฉะนั้นวิธีนี้ก็นับเป็นหนึ่งในวิธีพื้นฐานที่นำไปปรับไปใช้กับการเลือกใช้สกินแคร์ของตัวเองที่ใช้เป็นประจำได้เลยจ้า ด้วยรักและห่วงใยฮอร์โมนและผิวของสาวๆ ทุกคน